top of page

​ทั้งนี้ไป่ตู้มองว่า เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ Auto drive technology ที่มีความคล้ายคลึงกับระบบแวดล้อม หรือ อีโคซิสเต็มส์ (Ecosystems) ของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน โดยรถยนต์อัตโนมัติจะกลายเป็นอีกหนึ่งระบบแวดล้อมที่มีขนาดใหญ่มากในอนาคต รวมไปถึงระบบแวดล้อมของหุ่นยนต์ด้วย

หัวใจหลักของอีโคซิสเต็มส์ของการขับเคลื่อนอัตโนมัติเหล่านั้น อยู่ที่ความเร็วในการได้มาซึ่งข้อมูลเพื่อให้ระบบอัตโนมัติได้ประมวลผล เช่น แผนที่ในการเดินทาง สภาพถนน สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ ฯลฯ ซึ่งระบบของ อพอลโล่ (Apollo) จะดึงข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผลร่วมกัน

เห็นได้จากแผนการณ์ที่ใหญ่ขนาดนี้ ไป่ตู้จะไม่กลายเป็นแพลตฟอร์มมหาอำนาจในอนาคตได้อย่างไร 

 

Article Credit: positioningmag.com

 

เฉพาะแค่ในปัจจุบัน ตู้เอ้อร์โอเอส (DuerOS) ก็มีการจับมือกับแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแล้วกว่า 100 แบรนด์ ตั้งแต่ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ทีวี ลำโพง ฯลฯ ซึ่งตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในจีนเป็นตลาดที่ใหญ่มาก 

โดยในมุมของลู่ อุปกรณ์ประเภทสั่งการด้วยเสียงอย่าง แอมะซอน เอ็คโค่ (Amazon Echo) นั้นอาจเหมาะกับตลาดสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปที่มีไลฟ์สไตล์คล้าย ๆ กัน นั่นคือตัวบ้านซอยเป็นห้องต่าง ๆ มากมายหลายห้อง แต่อาจไม่เหมาะกับตลาดอื่น ๆ ก็เป็นได้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้สูงในเอเชีย (กลุ่มเป้าหมายของไป่ตู้) ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักอาศัยอยู่ในห้องขนาด 60 ตารางเมตร หรือ 90 ตารางเมตรเท่านั้น

ความคล้ายคลึงด้านไลฟ์สไตล์ที่อยู่อาศัยทำให้ไป่ตู้มองว่าเทคโนโลยีของตนเองน่าจะจับกลุ่มผู้บริโภคในเอเชียอย่างญี่ปุ่น อินเดีย บราซิลได้ดีกว่าแนวคิดของบริษัททุนนิยมจากสหรัฐอเมริกานั่นเอง

นอกจากนี้ลู่ยังวิเคราะห์กลยุทธ์ของแอมะซอน ที่มีความเหนือชั้นกว่ากูเกิลหรือไมโครซอฟท์ ในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ด้วย เพราะแอมะซอนเลือกที่จะใส่เอไออย่างอเล็กซ่า (Alexa) ลงไปในอุปกรณ์อย่าง แอมะซอน เอ็คโค่ (Amazon Echo) ขณะที่กูเกิลและไมโครซอฟท์เลือกจะฝังเอไอ ลงในโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์พีซี ที่ตนเองอาจไม่มีส่วนแบ่งมากเท่าเจ้าตลาดอย่างแอปเปิล (Apple) หรือซัมซุง (Samsung) ทำให้ตอนนี้โปรดักซ์ของแอมะซอนได้รับการพัฒนาไปอย่างรุดหน้า

หันมามองจีนบ้าง ลู่กล่าวว่าทุกวันนี้การใช้ชีวิตในจีน จะเน้นไปที่ระบบการจดจำเสียงหรือภาพ เป็นตัวเลือกแรก ส่วนการต้องมากดปุ่ม หรือหน้าจอจะกลายเป็นทางเลือกอันดับรองลงไปแล้ว 

อีกหนึ่งแผนการณ์ที่น่าสนใจของเทคโนโลยี AI ในจีนก็คือ รถอัจฉริยะไร้คนขับ ที่ไป่ตู้มีการเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ในชื่อ โครงการอพอลโล (Apollo Project) โดยมีการจับมือกับพาร์ทเนอร์กว่า 150 ราย

อ้างอิงจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เฉพาะแค่ในจีน ปัจจุบันมีประชากรอินเทอร์เน็ต 731 ล้านคน มากกว่าประชากรทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาเกือบสองเท่า ซึ่งลู่มองว่า เป็นโครงสร้างที่เหมาะสมมาก

ด้วยเหตุนี้ทำให้ลู่เชื่อมั่นว่าสหรัฐอเมริกาอาจเป็นประเทศผู้นำด้านอัจฉริยะ "แต่ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น" เพราะในอนาคต ไป่ตู้ต่างหากที่จะก้าวขึ้นครองโลก

โดย ฉี ลู่ เผยกลยุทธ์ของไป่ตู้ในการสร้างปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) ให้เติบโตทั้งในเชิงศักยภาพและเชิงพาณิชย์ว่า คือการจับมือกับพาร์ทเนอร์และใช้เทคโนโลยีด้านเอไออย่าง ไป่ตู้ เบรน (Baidu Brain) จะช่วยให้พาร์ทเนอร์ของบริษัทได้เปรียบในการแข่งขันและเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกฝ่ายจะ Win-Win ได้ประโยชน์เหมือนกันหมด

ลู่ได้เผยต่อว่า ปัจจุบันไป่ตู้ เบรน (Baidu Brain) มีบริการด้านเอไอถึง 60 ชนิด ซึ่งมากกว่าที่ไมโครซอฟท์และกูเกิลเสนอให้แก่พาร์ทเนอร์ในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งไป่ตู้ยังเป็นบริษัทแรกที่มีการแยกเลเยอร์ระหว่าง ชั้นการรับรู้ข้อมูล (Perceptual Layer) และชั้นองค์ความรู้ (Cognitive Layer) ออกจากกัน ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ ที่พัฒนาเอไอยังเลือกที่จะควบรวมทั้งสองเลเยอร์นี้ไว้ด้วยกัน

นอกจากนี้ลู่ ได้ยกตัวอย่างระบบของไป่ตู้ที่มี ตู้เอ้อร์โอเอส (DuerOS) แพลตฟอร์มด้านภาษาและการสนทนา ซึ่งคล้ายคลึงกับ อเล็กซ่า (Alexa), กูเกิล นาว (Google Now), คอร์ทาน่า (Cortana) หรือ สิริ (Siri) แต่ลู่กล่าวว่า ตอนนี้ ตู้เอ้อร์โอเอส (DuerOS) อาจเป็นรองแค่อเล็กซ่าจากแอมะซอน (Amazon) เท่านั้น เพราะ ตู้เอ้อร์โอเอส (DuerOS) จะมีพาร์ทเนอร์มากขึ้นในอนาคตไม่แพ้แอมะซอนอย่างแน่นอน

ไป่ตู้ จีน: 百度; พินอิน: Bǎidù เป็นเสิร์ชเอนจิ้นอันดับหนึ่งของประเทศจีน และเป็นเว็บไซต์ที่คนใช้มากที่สุดอันดับ 4 ของโลก ใน พ.ศ. 2549 ไป่ตู้มีดัชนีข้อมูลมากกว่า 740 ล้านเว็บเพจ 80 ล้านภาพ และ 10 ล้านไฟล์เพลงและภาพยนตร์

ปัจจุบันครองส่วนแบ่งทางการตลาดเสิร์ชเอนจิ้นในประเทศจีนถึงร้อยละ 72% และมียอดทางการตลาดมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ไป่ตู้ (Baidu) เป็นเครื่องมือสำคัญของนักการตลาดออนไลน์ที่จะช่วยปรับปรุงการเข้าไปมีบทบาททางการตลาดในประเทศจีนให้ดียิ่งขึ้น โดยทาง Baidu ระบุว่าไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 นี้เป็นไตรมาสแรกที่ทราฟิกจากอุปกรณ์เคลื่อนที่แซงหน้าพีซี และรายได้ทั้งหมดมาจากพีซี 36% สำหรับไตรมาสที่สี่คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,256 ล้านดอลลาร์ ถึง 2,322 ล้านดอลลาร์

การก้าวสู่มหาอำนาจแห่งโลกปัญญาประดิษฐ์

ในโลกเทคโนโลยีทุกวันนี้ หากมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทก็สามารถจ้างทีมงานที่แข็งแกร่งได้ หากมีไอเดียดี ๆ ก็สามารถสร้างผลิตภัณฑ์สุดคูลได้ แต่การจะเทรนอัลกอริธึมให้กลายเป็นอัจฉริยะได้นั้น บางครั้งแค่เงินอย่างเดียวก็ทำให้ไม่ได้เสมอไป เพราะสิ่งที่ระบบต้องการมากที่สุดไม่ใช่อัจฉริยะ ไอเดีย หรือเงิน หากแต่เป็น "ข้อมูล"

ความได้เปรียบเสียเปรียบกันในโลกแห่งเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งนี้ จึงอยู่ที่ว่าใครมี "ข้อมูล" มากกว่ากัน ซึ่งนั่นทำให้เกิดบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจของอดีตวิศวกรมือหนึ่งด้านปัญญาประดิษฐ์ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) อย่าง ฉี ลู่ (Qi Lu) ที่ตอนนี้ย้ายมาอยู่กับไป่ตู้ (Baidu) เมื่อมกราคมที่ผ่านมา เพราะมองเห็นแล้วว่าประเทศที่มีพลเมืองมหาศาล แถมยังเป็นพลเมืองบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างจีนนั้นต่างหากที่เหมาะสมจะขึ้นแท่นผู้นำแห่งโลกปัญญาประดิษฐ์

ไป่ตู้ Baidu

5 นาทีของ อีลอน มัสค์ และ บิล เกตส์
ผู้สูงอายุกับเวย์โปรตีน
ผู้ชายรู้ไว้ !!! 12 พฤติกรรมแย่ ๆ
ที่ผู้หญิงเห็นแล้ว...เมินหนี
5 เคล็ดลับการหุงข้าว
ไม่ให้บูดเร็ว
20 เคล็ดลับ เศรษฐีสอนลูก
ทำตามแล้ว ไม่มีวันจน
bottom of page